Glico Man แลนด์มาร์คที่ทุกคนต้องไปเยือน

หลายคนที่กำลังจะไปเที่ยวที่โอซาก้านั้นจะต้องไม่พลาดที่จะขอไปเช็คอินหรือแชะภาพถ่ายเซลฟี่กับป้ายไฟ LED ของกูลิโกะแมน ที่ตั้งอยู่ในเขตโดทงโบริที่ ซึ่งย่านช้อปปิ้งและที่เที่ยวยอดฮิตที่อยู่ทางใต้ของจังหวัดโอซาก้า ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งป้ายนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1935 เพราะที่นี่คือป้ายไฟที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในโลกก็ว่าได้ ไม่ว่าใครก็ตามที่มาเยือนสถานที่แห่งนี้ต่างก็จะต้องแวะเวียนมาถ่ายรูปกับกูลิโกะแมนกันทั้งนั้น

ทุกคนคงอยากจะรู้แล้วใช่ไหมล่ะคะว่าทำไมป้ายไฟแห่งนี้ถึงมีความสำคัญ แถมยังเป็นสัญลักษณ์ที่โด่งดังมากๆของโอซาก้า งั้นเราจะมาบอกทุกคนเองค่ะว่าความเป็นมาของ Glico Man นั้นมีขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วป้ายนี้ถูกแก้ไขเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงไปแล้วตั้งกี่ครั้ง แล้วอะไรที่ทำให้สถานที่แห่งนี้ถึงได้เป็นแลนด์มาร์คที่ใครๆต่างก็อยากจะมาถ่ายรูปกัน

ก่อนที่จะรู้ความเป็นมาของป้ายไฟกูลิโกะแมนนั้น ทุกคนรู้หรือไม่ว่าระยะทางที่กูลิโกะแมนที่วิ่งเข้าเส้นชัยนั้นเป็นแค่ระยะทางแค่ 300 เมตรเท่านั้น เป็นเพราะผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกที่ “ริอิจิ เอซากิ” ที่เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทกูลิโกะนั้นได้คิดค้นขนมที่มีชื่อว่า “ Glico Caramel” ซึ่งขนมชนิดนี้สามารถให้พลังงานได้ถึง 15.4 กิโลแคลอรี่ ซึ่งคิดเป็นพลังงานที่ใช้ในการวิ่งในระยะ 300 เมตรอย่างพอดิบพอดี ซึ่งนี่ก็คือที่มาของระยะทางการวิ่งเข้าเส้นชัยของกูลิโกะแมน

ป้ายไฟนีออนของกูลิโกะแมน (Glico Man Billboard) แห่งโดทงบุรินั้นถูกติดตั้งครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1935 – 1943 ซึ่งมีความสูงถึง 33 เมตร โดยป้ายนั้นจะมีตัวหนังสือหลากหลายรวมทั้งสีที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละตัวอักษร ด้วยความแปลกใหม่นี้เองนี้จึงทำให้ป้ายไฟนีออนนั้นเริ่มจะโด่งดังขึ้นมา แต่ในช่วงระหว่างนั้นเกิดภาวะสงคราม ป้ายดังกล่าวจึงถูกเอาออก แต่หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง ป้ายนี้ก็ได้นำกลับมาติดอีกครั้งพร้อมกับดีไซน์ใหม่โดยบริเวณข้างใต้ของป้ายจะมีเวที่แสดงสำหรับคอนเสิร์ตหรืออีเว้นท์ต่างๆ

หลังจากนั้นก็มีการปรับเปลี่ยนป้ายมาเรื่อยๆ เนื่องจากป้ายนีออนกูลิโกะนั้นถูกพัฒนาให้ทันสมัยขึ้นตามกาลเวลา จนกระทั่งมาถึงป้ายรุ่นที่ 5 ที่ได้เปลี่ยนเป็นกูลิโกะในรูปแบบใหม่โดยมีกูลิโกะแมนที่กำลังทำท่าวิ่งเข้าเส้นชัย ซึ่งกูลิโกะในรูปแบบนี้นั้นเป็นรูปแบบที่โด่งดังที่สุดเพราะด้านหลังของกูลิโกะแมนจะมีสถานที่สำคัญที่เป็นสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงในเมืองโอซาก้า ซึ่งสถานที่ 4 แห่งที่ปรากฎนั้นคือ ปราสาทโอซาก้า, พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยุคัง, สนามกีฬา Osaka Dome และหอคอย Tsutenkaku Tower ซึ่งป้ายนีออนนี้ได้ทำหน้าที่มามากกว่า 16 ปี ก่อนที่จะสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 2014

ในที่สุดป้ายไฟนีออนกูลิโกะแมน ( Glico Man Neon Billboard) ก็ถูกปรับเปลี่ยนพัฒนาจนเป็นรุ่นที่ 6 ซึ่งป้ายนี้ก็ได้เปิดตัวเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2014 จากป้ายไฟนีออนธรรมดาก็ถูกปรับเปลี่ยนกลายเป็นป้ายไฟ LED เพื่อเป็นการสดุดีแก่นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่น และทำให้ทุกคนได้มารู้จักกับนักประดิษฐุ์ผู้คิดค้นไฟ LED สีน้ำเงิน จนได้รับรางวัลโนเบล สาขาฟิสิกส์

ป้ายไฟนีออนนี้ใช้ไฟ LED กว่า 140,000 ดวง สามารถประหยัดไฟกว่าเดิมได้หลายเท่า แถมให้แสงสว่างมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย ซึ่งป้ายนั้นมีขนาด 10.38 เมตร และมีความสูง 20 เมตร เป็นป้ายไฟรุ่นที่ 6 ที่เป็นภาพของกูลิโกะแมนที่เป็นชายชุดขาวที่กำลังวิ่งกางมือชูแขนอยู่บนลู่วิ่ง และด้านหลังของตัวกุลิโกะแมนจะมีวงกลมสีแดงอันใหญ่ซึ่งแสดงถึงสัญลักษณ์ของธงชาติญี่ปุ่น ซึ่งดูโดดเด่นสะดุดตาเป็นอย่างมาก

ในช่วงเวลากลางวันนั้นป้ายกูลิโกะแมนจะถูกปิดไฟ และเมื่อถึงเวลาตอนกลางคืน ป้ายไฟนี้จะเปลี่ยนเป็นจอที่มีแสงสวยงามสว่างไสวสุดๆ และจะฉายภาพเคลื่อนไหวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพโลโก้ที่กูลิโกะแมนกำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่งที่สามารถเปลี่ยนแป็นแสงสีได้ หรือบางทีก็จะเป็นภาพของกล่องผลิตภัณฑ์กูลิโกะที่ล่วงลงมาทับบนตัวของกูลิโกะแมน และใครที่ไม่อยากพลาดถ่ายรูปกับกูลิโกะแมนนะคะ ในส่วนของป้ายไฟนี้จะเริ่มการเปิดไฟตั้งแต่เวลา 18.00 – 24.00 น.ของทุกวัน